เชียงใหม่ ประวัติ ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ที่ยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมอันหลากหลาย และธรรมชาติครบเครื่อง จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชมความงามอย่างไม่ขาดสายทุกปี ซึ่งแน่นอนว่า หลายๆ คนก็คงมีความสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของที่นี่ไม่น้อยเหมือนกัน เราเลยจะชวนทุกคนมาเปิด ประวัติ จังหวัดเชียงใหม่ เรียนรู้ความเป็นมาของศิลปะวัฒนธรรมแบบฉบับล้านนาที่ยังทรงคุณค่าจนถึงทุกวันนี้ค่ะ
เชียงใหม่ ประวัติ
เชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรมที่สืบทอดมาแต่โบราณกาลโดยเฉพาะกลิ่นอายอารยธรรมล้านนาที่ยังคงพบเห็นได้ในสถาปัตยกรรมของวัดวาอารามรวมถึงวิถีชีวิตแม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไปแต่เชียงใหม่ก็ยังคงอนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรมของตนเองไว้
ประวัติ จังหวัดเชียงใหม่ สมัยล้านนา
ย้อนไปในสมัยของ พญามังราย พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 25 แห่งหิรัญนครเงินยางเชียงลาว เดิมพระองค์ทรงครองราชสมบัติอยู่ที่ เมืองเชียงราย แต่หลังจากที่ได้สร้างนครใหม่ ชื่อ “นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่” เมื่อปี พ.ศ. 1839 พระองค์ก็ทรงย้ายมาครองราชสมบัติที่นครแห่งนี้ และตั้งให้เป็นราชธานีแห่งอาณาจักรล้านนานับแต่นั้น เชียงใหม่ เป็นนครอิสระที่อยู่ในการปกครองของราชวงศ์มังราย มายาวนานถึง 261 ปี แต่แล้วในปี พ.ศ. 2101 เชียงใหม่ ก็ได้เสียเอกราช และตกอยู่ในการปกครองของพม่ายาวนานกว่า 200 ปีเลยทีเดียว
ประวัติ จังหวัดเชียงใหม่ สมัยกรุงรัตนโกสินทร์
ในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ย้อนไปถึงสมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ได้ยกทัพไปช่วยเชียงใหม่และเชียงแสนขับไล่พม่าออกจากเมืองได้สำเร็จ ดังนั้นสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกจึงทรงแต่งตั้งพระยากาวิละซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำกองทัพต่อต้านพม่าในขณะนั้นเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ทำให้เชียงใหม่เป็นเมืองหลวงของไทย การปกครองจึงเปลี่ยนมาเป็นระบบมณฑลชื่อมณฑลพายัพในสมัยรัชกาลที่ 5 แล้วมาเป็นระบบมณฑลในปี พ.ศ. 2476 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
คำขวัญ จังหวัดเชียงใหม่
เกี่ยวกับวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร พระอารามหลวง เป็นอย่างยิ่ง หนึ่งเดียวในเชียงใหม่ รวมสถานที่ต่าง ๆ ที่สะท้อนถึงประเพณีและวิถีชีวิตของอารยธรรมล้านนาที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เช่น หมู่บ้านหัตถกรรมบ่อสร้างและหมู่บ้านหัตถกรรมบ้านถวาย เชียงใหม่ไม่ได้มีแค่ศิลปะและวัฒนธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ เช่น ป่าไม้ ภูเขา นาข้าว โต้คลื่น หรือแม้แต่สายน้ำ
วัดสวย จังหวัดเชียงใหม่
ใครอยากชมสถาปัตยกรรมล้านนาเต็มๆต้องมาเชียงใหม่ คุณจะไม่ผิดหวัง วัดโบราณที่สวยงามที่สะท้อนศิลปะโบราณของวัฒนธรรมต่างๆ โดยเฉพาะศิลปะล้านนา พม่า ที่กลมกลืนกันอย่างลงตัว ใครๆ ก็ต้องมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของเชียงใหม่ วัดพระธาตุดอยสุเทพ วัดพระธาตุศรีจอมทอง วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร และวัดหลวงขุนวิน เพื่อเสริมสิริมงคล ชมความงามตระการตา ของลวดลายต่าง ๆ ในวัดที่สร้างอย่างวิจิตรบรรจง
ที่เที่ยวธรรมชาติ จังหวัดเชียงใหม่
เชียงใหม่มีอากาศเย็น ด้วยธรรมชาติที่สวยงามใช่หรือไม่? วิวสวยโดยเฉพาะภูเขา สายหมอก และนาข้าว อยากไปชมความสวยงามด้วยตาตัวเอง และแน่นอน เมื่อพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่ คงไม่พ้น อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ กับวิวนาขั้นบันไดและที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกมากมาย . บ้านแม่กลางหลวง, สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์, พระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดล, พระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ ผมสามารถขึ้นไปสักการะพระเจดีย์ที่สูงที่สุดในประเทศไทยได้ถึงสององค์ ไม่เพียงแต่คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับสวนดอกไม้ที่จัดไว้อย่างสวยงามรอบ ๆ ตัวคุณเท่านั้น แต่เจไดก็จะเพลิดเพลินไปด้วย
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เชียงใหม่ ยังมีพิกัดธรรมชาติปังๆ และที่เที่ยวเชิงเกษตรอีกมากมายเช่น น้ำตกผาดอกเสี้ยว น้ำพุร้อนสันกำแพง สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ และอื่นๆ อีกมากมายที่พร้อมให้ทุกคนไปสมผัสกับบรรยากาศสุดฟินกันแบบไม่อั้นเลยค่ะ
ประเพณีล้านนา
ตั้งแต่สมัยโบราณ วิถีชีวิตของชาวล้านนาผูกพันกับพระพุทธศาสนา มองเห็นได้จากสิ่งอำนวยความสะดวกทางศาสนาของชุมชนชีวิตรวมถึงระบบโพรบวัดที่หลากหลายทั้งใกล้และไกล ความเชื่อมโยงที่คนในชุมชนหนึ่งชักชวนอีกชุมชนหนึ่งมางานบุญในวัดของตน
ศาสนาพุทธผูกพันกับชีวิตในเมืองอย่างลึกซึ้ง แต่ความเชื่อดั้งเดิมเกี่ยวกับวิญญาณบรรพบุรุษและผีเสื้อเมืองได้ผสมผสานกับผีเจ้าเมือง แยกกันไม่ออก ชาวล้านนาสามารถเชื่อมโยงทั้งสองอย่างเข้าด้วยกันในพิธีกรรมและประเพณีที่เห็นในปัจจุบัน
มีประเพณีและพิธีกรรมที่สำคัญมากมายในช่วงปีของชาวเชียงใหม่ เช่น เทศกาลสงกรานต์ งานอินทขิล ประเพณีลอยโคม ประเพณีสรงน้ำพระธาตุจอมทอง พิธีเซ่นผีปู่ตาย่า
ประเพณีสงกรานต์
เทศกาลสงกรานต์เป็นงานที่ยิ่งใหญ่สำหรับนักวิ่ง เนื่องจากเป็นวันเถลิงศกใหม่และขอให้เทพยดาทั้งหลายโปรดปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัยในชราและเตรียมกายใจให้ผ่องใสรับปีใหม่ตั้งแต่วันที่ 13 ถึง 18 ของเดือน แต่นักวิ่งถือว่าวันที่ 15 เมษายนเป็นวันขึ้นศักราชใหม่ แตกต่างจากภูมิภาค Chubu และมีพิธีกรรมมากมายในช่วงหกวันนี้
วันที่ 13 เมษายนถือเป็นวันที่ยาวนานที่สุด (วันส่งท้ายปีเก่า) ชาวบ้านส่วนใหญ่ยิงปืนและจุดประทัดก่อนจุดไฟเพื่อปัดเป่าเคราะห์และเคลียร์หิ้งพระและกุฏิพระ
วันที่ 14 เมษายน เป็นวันที่เรียกว่า ‘วังน้าว’ หรือ ‘วังน้าว’ และวันนี้ชาวเชียงใหม่นิยมทำแต่สิ่งมงคล ฉันไม่ได้ทำแต่อาหารคาวหวาน ฉันทำอาหารไทย ฉันทำงานบุญวันสงกรานต์และไปวัดขนทรายเข้าวัด
วันที่สิบห้าเรียกว่า ‘วังพญาวัน’ เป็นวันเริ่มต้นศักราชใหม่ ชาวเชียงใหม่สะสมบุญเข้าวัดและตักบาตร จากนั้นจึงถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ที่เรียกว่า ข้าวคาน เพื่ออุทิศให้ผู้เสียชีวิตและสรงน้ำพระสงฆ์ ไปสรงน้ำบนศีรษะของผู้เฒ่าผู้แก่ วันที่ 16-18 เมษายน เรียกว่า “วันปักผีขึ้นปากวัง” โดยทั่วไปเป็นวันบูชาพระวิญญาณบริสุทธิ์